Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

บริษัทวิจัยตลาด Jon Peddie Research (JPR) เปิดเผยข้อมูลว่ายอดขายจีพียูในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 เติบโตรวมกว่า 20.5% โดย Jon Peddie ระบุว่าสาเหตุหลักมาจากการใช้จีพียูขุดเหมืองคริปโต และยอดขายที่พุ่งสูงของโน้ตบุ๊ก

แต่ Jon Peddie ก็ระบุด้วยว่า ยอดขายจากฝั่งคริปโต อาจลดลงในปีหน้าหลัง Ethereum ที่เป็นสกุลเงินคริปโตที่มีผู้ใช้จีพียูขุดมากที่สุด เตรียมออกเวอร์ชั่น 2.0 ที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบยืนยันธุรกรรมแบบ Proof of stake (PoS) ที่ใช้การวางเงินเพื่อยืนยัน แทน Proof of Work (PoW) ที่ต้องใช้เครื่องอื่นในการยืนยัน ซึ่งแปลว่าอาจจะใช้จีพียูมาขุดเหมืองต่อไม่ได้ในอนาคต

ผู้ที่ได้อานิสงค์จากการเติบโตครั้งนี้มากที่สุด คือ AMD และ Intel ที่มียอดจำหน่ายจีพียูเติบโตมากขึ้น 6.4% และ 33.2% ตามลำดับ ซึ่งในฝั่ง Intel ที่เติบโตมากขนาดนี้ น่าจะมาจากยอดขายโน้ตบุ๊กที่ใช้จีพียูออนบอร์ดเป็นหลัก (JPR ไม่ได้เปิดเผยประเภทรุ่น) กลับกัน Nvidia มียอดขายจีพียูในไตรมาสที่ 4 ลดลงไป 7.3%

ภาพ Asus ZenBook 13 OLED (UX325) ที่ใช้จีพียู Iris Xe จาก Intel

ยอดจำหน่ายจีพียูรวมทั้งปี โตขึ้น 12.4% แบบปีต่อปี และแม้ Nvidia จะมียอดขายจีพียูรวม ลดลงในไตรมาสที่ 4 แต่ถ้ามองเพียงยอดขายการ์ดจอแยก Nvidia ก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 82% จาก 73% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 แปลว่าส่วนแบ่งตลาดของ AMD ลดเหลือ 18% จาก 27% ในปีก่อน (หมวดการ์ดจอแยก ยังไม่นับ Intel จึงมีแข่งกันแค่สองค่าย)

ในบ้านเราการ์ดจอยังขาดตลาดและมีราคาแพงกว่าปกติมาก สาเหตุหลักน่าจะมาจากกระแสการขุดเหมืองคริปโต คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเมื่อไร และด้าน Nvidia เอง ก็เริ่มพยายามแก้ปัญหา (และหากำไรเพิ่ม) ด้วยการ ออกชิป CMP สำหรับขุดเหมืองโดยเฉพาะ และลดประสิทธิภาพการขุดเหมืองของ RTX 3060 ลง นอกจากนี้ยัง นำ RTX 2060 กับ GTX 1050 กลับมาขายใหม่ อีกด้วย

ภาพชิป CMP (Cryptocurrency Mining Processor) ของ Nvidia

ที่มา - PCWorld

Get latest news from Blognone