Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

Atlus และ Studio Zero ประกาศวางจำหน่ายเกม Metaphor: ReFantazio ในวันที่ 11 ตุลาคมปีนี้บน Xbox Series X/S, PlayStation 4, PlayStation 5 และ PC พร้อมเผยรายละเอียดใหม่ ๆ ของเกมที่มีทั้งโลกภายในเกม และระบบการเล่น

Metaphor: ReFantazio กำกับโดย Katsura Hashino ที่มีผลงานกำกับเกมเด่น ๆ อย่าง Shin Megami Tensei III, Persona 3, Persona 4 และ Persona 5 ในด้านเพลงประกอบต่าง ๆ ภายในเกมยังคงได้ Shoji Meguro ที่เคยแต่งเพลงให้ซีรี่ส์ Persona มาแต่งเพลงให้ ส่วนงานศิลป์บรรยากาศพื้นหลังได้ Koda Kazuma ที่เคยมีผลงานจาก Nier Automata มาออกแบบให้ และพาหนะ Gauntlet Runner ที่เหล่าตัวเอกในเกมใช้เดินทางออกแบบโดย Ikuto Yamashita ผู้ออกแบบหุ่นยนต์ในอนิเมะเรื่อง Neon Genesis Evangelion

No Description

เนื้อเรื่องของ Metaphor: ReFantazio จะกล่าวถึงโลกที่พระราชาถูกลอบสังหารทำให้อาณาจักรเกิดความโกลาหล เวทมนตร์ประจำราชวงศ์ได้ถูกกระตุ้นขึ้นและกำหนดให้มีการเลือกตั้ง เวทมนตร์นี้เปิดโอกาสให้ทุกคน ไม่ว่าชนชั้นใดสามารถเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปได้ ตัวเอกของเกมเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้ และได้เดินทางไปทั่วทุกมุมโลก

No DescriptionNo Description

ระบบต่อสู้หลักของเกมยังคงเป็นแบบ Turnbase เช่นเดิมแต่เพิ่มลูกเล่นก่อนตัดฉากเข้าต่อสู้เข้ามาให้มีความเป็นเกมแอคชั่นมากขึ้น โดยผู้เล่นสามารถเข้าไปโจมตี และหลบหลีกศัตรูแบบเรียลไทม์ได้เลย ถ้าศัตรูอ่อนแอกว่าเราจะสามารถตีให้ตายโดยไม่ต้องตัดเข้าฉาก Turnbase ได้ แต่ถ้าศัตรูแข็งแกร่งพอ ๆ กับเราหรือแกร่งกว่าเกมจะให้เราตัดฉากเพื่อเข้าไปสู้แบบ Turnbase

No Description

แผนที่ในเกมแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ แผนที่โลก, เมืองต่าง ๆ และ ดันเจี้ยน แต่ไม่ได้เป็น Open World แบบเต็มรูปแบบ เราสามารถดูตำแหน่งปัจจุบันของเราได้บนแผนที่โลก และวาร์ปไปยังสถานที่ที่เคยไปมาแล้วได้ทันที แต่หากไม่เคยไปตัวเกมจะให้เราเดินทางด้วย Gauntlet Runner ซึ่งจะมีบอกว่าการเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลากี่วัน และเราสามารถเดินไปดูห้องต่าง ๆ ใน Gauntlet Runner หรือดูวิวที่ดาดฟ้าของพาหนะได้

No Description

Metaphor: ReFantazio เป็นเกมซีรี่ส์ใหม่ที่แยกออกมาจาก Shin Megami Tensei และถือเป็นเกมฉลองครบรอบ 35 ปีของ Atlus วางขายในราคา 69.99 ดอลลาร์ในแบบแผ่นปกติ และ 149.99 ดอลลาร์ในแบบ Collector’s Edition

ที่มา - Altus via Gematsu

Get latest news from Blognone